หลักฐานมัดแน่นทั้งร่วมและบงการการยึดอำนาจ?
พฤษภาคม 25, 2010 ใส่ความเห็น
พล เอกเปรมเข้าร่วมการรัฐประหารในประเทศไทย 2 ครั้ง ซึ่งนำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ล้มรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ล้มรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร…..
บทบาทใน วิกฤตการณ์การเมืองและการรัฐประหาร พ.ศ. 2549
หลังการทำรัฐประหาร พ.ศ. 2549 มีนักวิชาการกล่าวหาพลเอกเปรมว่ามีความเกี่ยวข้องกับ วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ที่นำไปสู่รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549[4] ซึ่งในเวลาพลบค่ำวันที่ 19 กันยายน ช่วงเดียวกับที่กำลังทหารหน่วยรบพิเศษจาก จ.ลพบุรี ได้เคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพฯ พลเอกเปรม ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัà[6]
ในเวลา ต่อมา ยังเป็นที่กล่าวหาอีกว่า พลเอกเปรม อาจมีบทบาทสำคัญ ในการเชิญ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตลูกน้อง มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง การแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรี และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกด้วย จนกระทั่ง นักวิจารณ์ บางคน ถึงกับกล่าวว่า สภาฯ ชุดนี้ เต็มไปด้วย "ลูกป๋า" [7 http://www.theaustralian.news.com.au/story/0,20867,20550793-23109,00.html ][8 http://www.nationmultimedia.com/2006/10/13/headlines/headlines_30016076.php][9 http://www.nationmultimedia.com/2006/10/13/headlines/headlines_30016078.php]
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวว่า พลเอกเปรมเป็นบุคคลที่มีบทบาททางการเมือง ในช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549[10] และมีบทวิเคราะห์จากสำนักข่าว XFN-ASIA ระบุในเว็บไซต์ นิตยสารฟอร์บ ว่า พลเอกเปรมเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย พร้อมทั้งได้สนับสนุนให้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน จากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตแต่ข่าวจาก"คมชัดลึก"บันทึกเป็นประวัติศาสตร์จากปาก ของ ผบ.เหล่าทัพว่า
"เผย ป๋าเปรมเห็นชอบกับการปฏิวัติครั้งนี้ "
การทำรัฐประหารครั้งนี้ เป็นความพร้อมใจกันของ 4 เหล่าทัพ คือ กองทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ และตำรวจ โดยทั้งหมดได้ไปหารือกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และพล.อ.เปรมรับปากว่าจะเป็นหัวคณะรัฐประหารให้ เอง เมื่อเวลา 22.00 น.ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการประกาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา" (http://www.komchadluek.net/2006/09/19/a001_49001.php?news_id=49001)
[ 6 ] สุริยะใส" ย้ำ"ป๋าเปรม" อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ..
ที่มา – คำสัมภาษณ์ของ "สุริยะใส กตะศิลา" ในนิตยสาร IMAGE ฉบับเดือนธันวาคม 2549 ที่กลุ่มพีทีวี อ้างว่า เป็นต้นตอของคำกล่าวอ้างที่ว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ..นี่คือบางส่วนที่นำมาเสนอ
– การ ต่อสู้ของพันธมิตร มันมีกระบวนการหลังพิงวัง ตรงนี้สร้างความอึดอัดให้ฝ่ายซ้ายจำนวนมากในพันธมิตรหรือไม่
ปัญหาในเรื่องปรากฏการณ์หลังพิงวังมีมาตลอด และมีความอึดอัดเพราะเป็นกระแสที่เรา ก็ต่อต้านมาตลอด ถึงขนาดฝ่ายซ้ายมาขอคุยให้ ครป.ถอยออกมา แต่เราต้องยอมรับว่า การสู้กับระบอบทักษิณ เมื่อภาคประชาชนเห็นว่าระบอบทักษิณเป็นตัว ปัญหา แต่ภาคประชาชนเองไม่มีกำลังพอที่จะโค่นล้มคุณทักษิณได้ ฉะนั้นก็ต้องเชื่อมประสานกับพลังอื่น ไม่ว่าจะพลังชนชั้นกลาง พลังทุนนิยมในชาติ พลังศักดินา ก็ต้องร่วมกันเพื่อจัดการคุณทักษิณ เพราะพลังศักดินาโดดๆ ก็จัดการคุณทักษิณไม่ได้ ต้องมาเชื่อมประสานกับพลังของภาคประชาชน ดังนั้นก็เลยเกิดธงหลายผืนในที่ชุมนุมประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเราจะจัดลำดับ ความสำคัญอย่างไร เราอาจจะไม่ได้ทั้งร้อยในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เมื่อต่อสู้แล้วไม่มีใครอยากแพ้ จึงเป็นเหตุให้เราไม่ถอย
– ถ้า เป็นเช่นนั้นก็เหมือนพลังศักดินาสามารถยืมมือพลังประชาชนในการจัดการ และดึงอำนาจคืนจากคุณทักษิณ พลังศักดินาอาจจะยืมมือเรา แต่ที่แน่ๆ คือเราไม่ได้รับธงเขามาเคลื่อน
ผมไม่ปฏิเสธว่า หลังการรัฐประหาร พลังศักดินาเกิดใหม่ ระบอบอำมาตยาธิปไตยสามารถเห็นได้ ชัดเจนภายใต้โครงสร้างรัฐบาลใหม่ ตรงนี้เราต้องสรุปบทเรียนว่า จะจัดการกับการเกิดใหม่ของพลังศักดินาหรือระบอบอำมาตยาธิปไตยอย่างไร และที่ทางของประชาชนหรือการเมืองแบบใหม่ที่สู้กันมาทั้งชีวิตจะอยู่ตรงไหน เราจะทำอย่างไร เพื่อสร้างพื้นที่ขึ้นมาในการกำหนดให้วาระของประชาชนเข้าไปอยู่ในรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่และต้องผลักดันให้ก้าวหน้ากว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540
ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับในสังคมไทยคือ องค์อำนาจในสังคมไทยมีหลายองค์อำนาจ ไม่ใช่แค่กลุ่มทุนใหม่กับฝ่ายประชาชนเท่านั้น พลังศักดินาระบอบอำมาตยาธิปไตยมีอยู่จริง มีอำนาจที่เป็นจริง มีการเคลื่อนไหวปฏิบัติการในตัว และมีการปรากฏตัวออกเป็นช่วงๆ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามองค์อำนาจส่วนนี้
อีกทั้ง ระบบอำนาจนิยมยังเข้ามาแทนที่ระบบความคิดใหม่ๆ ในสังคมไทยได้อย่างง่ายดาย เห็นได้จากการที่มีคนชื่นชมการรัฐประหารและเห็นด้วยกับรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ตรงนี้เป็นการบ้านที่ท้าทายบทใหม่
ผมยังไม่อยากไปสรุปว่า นี่เป็นระบอบใหม่ เพราะการทำรัฐประหารครั้งนี้อาจนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ พูดแบบนี้ฝ่ายซ้ายบางคนอาจจะหมั่นไส้ แต่ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสใหม่ ที่จะได้ทบทวนเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเข้มข้น ถ้าไม่มีรัฐประหารครั้งนี้ เศรษฐกิจพอเพียงไม่มีทางเกิด เพียงแต่ว่า เศรษฐกิจพอเพียงในแนวทางอำมาตยาธิปไตย จะกล้าพูดเรื่องการกระจายอำนาจไหม จะกล้าพูดเรื่องการปฏิรูปที่ดินไหม แต่ถึงที่สุด อย่างน้อยก็ได้ทบทวนว่าเรามีเศรษฐกิจทางเลือก
– มอง บทบาท ของพลเอกเปรมอย่างไรบ้าง
พลเอกเปรม เป็นสัญลักษณ์ของระบอบอำมาตยาธิปไตย จริงๆ ระบอบนี้ไม่ได้หายไปจากสังคมไทย แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ก็ตาม ถ้าเราดูบทบาทของพลเอกเปรม ก็จะเห็นชัด เพียงแต่พื้นที่ของระบอบนี้คับแคบลงในระดับหนึ่ง เพราะการเติบโตของพื้นที่ภาคประชาชนที่มากขึ้น ซึ่งเป็นการท้าทายระบอบนี้โดยตรง ขณะเดียวกันระบอบอำมาตยาธิปไตย ก็ถูกท้าทายจากทุนใหม่ ซึ่งเป็นพลังที่พาคุณทักษิณขึ้นสู่อำนาจ
เรา อาจจะพูดว่าระบอบศักดินายืมพลังจากประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณหรือทุนใหม่ก็ เป็นไปได้ แต่ผมคิดว่าพลเอกเปรม ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการคงอยู่ของระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีพลเอกเปรมแล้วระบอบประชาธิปไตยจะเต็มใบ แต่เป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายอำนาจนิยมหรือระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ยังมีพื้นที่ที่ แน่นนอนในสังคมการเมืองไทย
วันนี้ ก็เห็นโดยพฤตินัยได้อย่างชัดเจน ว่า พลเอกเปรม ใช้อำนาจนั้นผ่าน คปค. ท่านนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาฯ และไม่มีใครคิดว่าท่านจะกล้าทำ หรือไม่มีใครคิดตอนที่นั่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ว่าการรัฐประหารครั้งนี้ องคมนตรีจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปิดเผยขนาดนี้
หลังจากข่าวที่ ออกมานี้ก็ยังไม่เคยมีการออกมาชี้ แจงเลยว่า"ไม่จริง"อย่างที่ปรากฏในข่าว การให้สัมภาษณ์ของทั้ง"ผบ.เหล่าทัพและนายสุริยะ ส"ดังกล่าวจาก พล.อ.เปรม เลยแม้แต่ครั้งเดียว ความที่เคยเป็นนายทหารใหญ่เคยกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้า"ธงชัยเฉลิมพล"ที่ถือเป็น ความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่านายทหารต่อหน้าพระพักตร์พระมหากษัตริย์ ที่ว่า
คำปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล
ข้าพเจ้า (ยศ นาย นามสกุล) ขอกระทำสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้าพเจ้า จักยอมตาย เพื่ออิสรภาพ และความสงบแห่งประเทศชาติ
ข้าพเจ้า จักรักษาไว้ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข้าพเจ้า จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา
ข้าพเจ้า จะเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
ข้าพเจ้า จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตนตามคำสั่งโดยเคร่งครัด ทั้งจักปกครองแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาโดยยุติธรรม
ข้าพเจ้า จะไม่แพร่งพรายความลับของราชการเป็นอันขาด
ที่นำมาเสนอนี้เพื่อย้ำ ให้เห็นว่า ทหาร (คมช.) ได้รักษาคำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระ ราชินี หรือไม่? โดยเฉพาะขณะนี้พระองค์ทั้งสองกำลังกังวลพระทัยหลายเรื่อง เช่นปัญหาภาคใต้ ปัญหาคนไทยแตกความสามัคคี ปัญหา คมช.ยึดอำนาจ รื้อนโยบายรัฐบาลเก่าซึ่งก่อให้เกิดปัญหามากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม
อยากจะถามว่าทหารเหล่านั้นมีความสำนึกรับผิด ชอบ อะไรอย่างไรบ้างไหม?หรือว่าท่านไม่เห็นว่าการกล่าวคำปฏิญาณต่อ หน้า"ธงชัยเฉลิมพล"และต่อหน้า พระพักตร์ พระมหากษัตริย์และพระบรมราชินีนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญยิ่ง หรือ ไม่?
เหล่าข้าราชการทหาร ทั้งหลายที่รับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชนที่ได้รับรู้ ข้อมูลดังกล่าวแล้วมีความรู้สึกเป็นเช่นไร? พวกท่านนั้นยังให้ความเคารพยำเกรงต่อผู้ที่ตระบัดสัตย์และยังอ้างว่า"ทำ ไปด้วยความจงรักภักดี"อยู่ อย่างนั้นหรือ?แล้วพวกเหล่านั้นยังจะมีความ"จงรักภักดี"ต่อ พระมหากษัตริย์อยู่กระนั้นหรือ?
ยังจะมีเรื่องตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งตำแหน่งที่น่าจะคู่ควรต่อ บุคคลคนนั้นอยู่ หรือไม่?ก็คือตำแหน่ง"รัฐบุรุษ"ที่มีความหมายว่า"เป็น ผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารบ้านเมือง ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด อันเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีความด่างพร้อย และเป็นที่ยอมรับของประชาชน" ทั้งๆที่ควบกับตำแหน่ง"ประธานองคมนตรี"และ"รัฐบุรุษ"ที่รับ เงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชนถึง ๒ ตำแหน่งรวมกันทั้งสิ้นเดือนละ 121,990 + 121,990 = 243,980 บาท (พระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษพ.ศ. ๒๕๕๑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/A/022/58.PDF )
สิ่งที่สื่อมวลชลทั้งในและนอกประเทศได้เผยแพร่ไปว่า พล.อ.เปรม เป็นผู้มีบทบาทมากในทางการเมือง ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔ "องคมนตรี ต้องไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครอง กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดินข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง และต้องไม่แสดงการ ฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใด ๆ" แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวไปเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๕๒ ที่ผ่านมากลับเป็นการออกมาพูดตรงๆเกี่ยวกับพรรคการเมืองที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้าเป็นสมาชิก ว่า "จะเป็นการกระทำที่เป็น การทรยศต่อชาติ"และอีกวาทะหนึ่งคือ "วาทะ" พล.อ.เปรม ที่เอื้อนเอ่ยเอาไว้เมื่อครั้ง ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" "..รัฐบาล นี้ดี และผมก็เคยพูดว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ดี ดังนั้น เราคงจะหวังได้ว่า ท่านจะเป็นผู้นำที่ดี และจะทำให้ประเทศดีขึ้น"แต่ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามต่อว่า นายกฯอภิสิทธิ์จะสามารถนำประชาชนฝ่าวิกฤตของประเทศได้หรือไม่ พล.อ.เปรม ตอบสั้นๆ และชัดเจนว่า "..ผม เชียร์.." (ปรากฏการณ์ "บิ๊กจิ๋ว" วาทะ "ป๋าเปรม" แสงสว่างปลายอุโมงค์ http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01col01191052§ionid=0116&day=2009-10-19)
จากข้อมูลข้างต้นนั้น มีคำถามว่า คุณสมบัติเหมาะสมไม่มีความด่างพร้อยเลยใช่หรือไม่?สำหรับ ตำแหน่ง"รัฐบุรุษ" นี่เป้นข้อสงสัย!
อีกประเด็นที่ เคลือบแคลงแฝงเร้นกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่นับว่าเป็นอันตรายล่อแหลมยิ่ง ก็คือการเขียนรัฐธรรมนูญที่"ซ่อนเร้น"สิ่ง ที่ไม่บังควรไว้ในกรณีของตำแหน่ง"ผู้ สำเร็จราชการแผ่นดิน"ที่ นักกฏหมายทั้งหลายสงสัยว่า"ไม่ว่าจะมองมุมใด"ก็ตาม ประธานองคมนตรีจะต้องเข้าดำรงตำแหน่งนั้นโดย "อัตโนมัติ" ซึ่งผิดวิสัยความบริสุทธิ์ใจทั้งคนเขียนกฏหมายและคนที่ได้รับประโยชน์จากการ เขียนกฏหมายนั้น หรือไม่?(จะ มีใครนึกบ้างหรือไม่ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ กำลังสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง! http://konthaiuk.com/forum/index.php?topic=4635.0)
http://74.125.153.132 /search?q=cache:kBdUySlbX_EJ:konthaiuk.com/forum /index.php%3Ftopic%3D4968.0+สุริยะ+ใส+ป๋า+เห็นชอบ+รัฐประหาร&cd=9& amp;hl=th&ct=clnk&gl=th